เราทุกคนย่อมมีจุดเปลี่ยนแปลงในชีวิต
เพียงแค่ว่าเราสนใจถึงการเปลี่ยนแปลงนั้นหรือไม่
เพราะการเปลี่ยนแปลงในอดีต
มันค่อยเป็นค่อยไป ใช้เวลากันพอควร
แต่ปัจจุบันเปลี่ยนเร็วแบบนับวันนับชั่วโมงกันแล้ว
เหมือนเรื่องของบาปของกรรม
ที่เดี๋ยวนี้ไม่ต้องรอผลกันในชาติหน้า
กรรมยุค 4.0 มันเป็นกรรมติดจรวดครับ
ทำอะไรที่ไม่ดีไว้ในวันนี้
อีกปุ๊ปอีกแป๊ปหรือวันรุ่งขึ้นก็อาจรับผลกันทันที
ดูอย่างการใช้โทรศัพท์มือถือยุคนี้
แค่กดถ่ายวีดีโอหรืออัดเสียงแล้วโพสลงโซเชียล
มีคนไลค์คนแชร์ ก็ส่งผลกันในไม่กี่นาที
มือถือก็เลยกลายเป็นอาวุธ
ถ้ามีใครกำลังทะเลาะทุ่มเถึยงกันอยู่
พออีกฝ่ายหยิบมือถือออกมาเท่านั้น
จากที่กำลังหยาบคาย ก็กลับมาพูดจาไพเราะ
คำเรียกมึงกูรู้มั้ยพ่อใครเป็นใคร
เปลี่ยนกลับมาเป็น คุณ ผม ใช้เหตุใช้ผลกันทันที
ชีวิตทุกคนวันนี้จึงเปลี่ยนไปตามสังคมโซเชียล
สุดแต่จะเปลี่ยนเป็นดีขึ้นหรือแย่ลงเท่านั้น
…กลับมาที่เรื่องชีวิตการงานกันต่อ
สมัยปี 2527 ตอนเรียนมัธยมปลาย
ผมเรียนห้องวิทย์-ธุรกิจ
มันคือการเรียน เลข ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ
และเรียนวิชาสายอาชีพไปด้วย
ต้องเรียนบัญชี เรียนการขาย
รวมไปถึงต้องฝึกการใช้อุปกรณ์และเครื่องมือต่างๆ
เครื่องมือทางธุรกิจที่สำคัญยุคนั้นคือ
เครื่องพิมพ์ดีด!
แม้ตอนนั้นจะมี Apple IIe แล้วก็ตาม
แต่ทุกหน่วยงานราชการ ทุกบริษัทเอกชน
ต้องมีเครื่องพิมพ์ดีดไฟฟ้าโอลิมเปีย
ยิ่งใครมีประจำอยู่ข้างๆโต๊ะทำงานตัวเอง
นับว่าหรู ดูเป็นคนเก่งกล้าสามารถมาก
หากว่าพิมพ์ดีดแบบสัมผัสได้
ใช้ทั้งสิบนิ้วจิ้มแป้นพิมพ์ไปมาได้อย่างรวดเร็ว
ตบแคร่เลื่อนบันทัดได้ดังสนั่นหวั่นไหวละก็…โอ๊ย
คุณคือซุปเปอร์แมนกางเกงในสีแดงคนนั้นกันเลย
ผ่านมาไม่ถึง 10 ปีให้หลัง
ช่วงเรียนปี 3 ที่เกษตรศาสตร์ ปลายปี 2531
ได้ไปฝึกงานทั้งเทอมกับบริษัทซีพี
ก็เริ่มใช้โปรแกรมพิมพ์เอกสาร CU Word
กับเครื่องคอมพิวเตอร์ PC มีจอสีเขียว
มาพร้อมเครื่องพิมพ์ Dot Matrix
แถมต้องใช้แผ่นฟลอปปี้ดิสก์ 5.25 นิ้วด้วยนะเออ
ไม่น่าเชื่อ…หลังจากนั้นอีกสามสี่ปี
ก็ไม่เคยเห็นใครใช้เครื่องพิมพ์ดีดกันอีกเลย!
นับจากนั้น ทุกอย่างก็เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
มีโครงการโทรศัพท์บ้าน 2 ล้านเลขหมาย
มีมือถือโมโตโรล่าไมโครแทคทู ฝาพับรุ่นแรก
มีเคเบิ้ลทีวีดู มีบ้านสร้างแบบพรีแฟบและพรีคาส
มีวินโดร์3.1 มีเมาส์ มีอินเตอร์เน็ต มีเน็ตสเคป
จนกระทั่ง…มี “ต้มยำกุ้ง” ในปี 2540
วิกฤติต้มยำกุ้งในปี 40 ทำให้ชีวิตการงาน
เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วมากขึ้น
ตามวิถีของเศรษฐกิจและวิถีของโลกยุคใหม่
ธุรกิจชิ้นส่วนยานยนต์เริ่มบูมหลังจากนั้น
ใช่แล้วครับ…หุ่นยนต์ตัวแรกที่ได้เห็น
ก็มาจากธุรกิจนี้ครับ มันก็คือ
Robotic Arm
หุ่นยนต์มีแต่แขน ที่สามารถทำงานได้สารพัด
ทั้งงานเชื่อม งานพ่นสี หยิบจับ โยกย้ายของ
จากแค่แขนกลในวันนั้น มันเริ่มเป็นตัวเป็นตน
จนมาถึงในวันนี้มันกลายมาเป็น AI
วันที่เราเรียกมันว่า หุ่นยนต์ ได้เต็มปากเต็มคำ
ในครั้งหน้าผมจะเล่าแนวโน้มการใช้หุ่นยนต์
ทำงานแทนคนในประเทศต่างๆ ให้ทราบกันครับ